งานวิจัยที่กำลังจัดทำ
ชื่อวิจัย เรื่องคุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานเทศบาลจังหวัดปราจีนบุรี
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
คุณภาพชีวิตการทำงาน คือ ความสุขและความพึงพอใจในการทำงานของบุคลากรที่ปฏิบัติงานอยู่ในองค์กรหรือหน่วยงานราชการ โดยมีความเชื่อว่าคุณภาพชีวิตการทำงานจะเป็นตัวแปรที่สำคัญส่งผลต่อผลผลิตและกำไรขององค์กรธุรกิจยุคปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นว่าองค์กรธุรกิจให้ความสำคัญเกี่ยวกับบุคคลที่ทำงาน โดยมุ่งสนใจองค์ประกอบและสภาพแวดล้อมต่างๆที่เป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้เกิดคุณภาพชีวิตการทำงาน คุณภาพชีวิตการทำงานมีปัจจัยพื้นฐานมาจากสภาพการดำรงชีวิตที่ดีซึ่งมีองค์ประกอบ ของตัวกำหนดคุณภาพชีวิตการทำงานที่เอื้อต่อการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งความรู้สึกที่เกิดจากความพึงพอใจการทำงาน และขวัญของผู้ปฏิบัติงานอันเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานของบุคลากรและคุณภาพชีวิตหรือชีวิตที่มีคุณภาพของบุคคลทั่วไป คือ เป็นลักษณะการดำเนินชีวิตที่มีความเป้นอยู่สอดคล้องกับระดับความต้องการพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตมนุษย์อย่างมีคุณค่า โดยเป็นชีวิตที่มีการกินดี อยู่ดี ถูกต้องตามสุขลักษณะมีความสุขอนามัยสมบูรณ์แข็งแรงมีงานทำที่สามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ โดยไม่ต้องให้ผู้อื่นมาเป็นภาระช่วยเหลือ ทั้งเป็นพลเมืองดี มีระเบียบวินัย มีคุณธรรม วัฒนธรรมอันดีงาม สำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเองที่มีต่อตนเอง ครอบครัวและสังคม โดยมีส่วนร่วมในการเสริมสร้าง การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้เต็มที่ตามกำลังความสามารถ และสถานภาพของตนเอง สามารถดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข จะเห็นได้ว่าคุณภาพชีวิตจะเกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่างๆของชีวิต โดยเฉพาะกิจกรรมทำงาน ทั้งนี้เนื่องจากการทำงานยังเป็นกิจกรรมที่มนุษย์กระทำเพื่อการอยู่รอด (ตรีทิพย์ วีระเผ่า,2553:2)
พนักงานเทศบาล เป็นข้าราชการท้องถิ่นที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนให้เทศบาลหรือหน่วยงานองค์กรปกครองท้องถิ่น สามารถดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการจัดองค์กรปกครองท้องถิ่นและให้เป็นไปตามหลักการกระจายอำนาจปกครอง โดยต้องจัดทำบริการสาธารณะเพื่อสนองความต้องการประชาชนในท้องถิ่น กล่าวโดยสรุปคือ หน้าที่ของภารกิจเทศบาลคือ การดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างแท้จริงเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกๆด้าน ซึ่งภารกิจหน้าที่ดังกล่าวทำให้บุคลากรในองค์กรต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร ซึ่งลักษณะงานดังกล่าวนี้จะประสบความสำเร็จตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับความสำนึกในความรับผิดชอบ การเสียสละ การทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความพร้อมเพียงของบุคลากรในองค์กรเป็นสำคัญ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล้านี้จะเกิดขึ้นได้ด้วยความสมัครใจ ความรู้สึกจงรักภักดีที่มีต่อองค์กร เพราะถ้าหากขาดซึ่งปัจจัยเหล่านี้แล้วบุคลากรอาจจะมีการโยกย้าย ลาออกหรือเปลี่ยนงาน หรือไม่ก็ปฏิบัติงานอย่างเสียมิได้ ซึ่งจะให้เกิดความเสียหายและมีผลกระทบต่อความสำเร็จขององค์กรโดยส่วนรวม และจะส่งผลกระทบต่อประชาชนได้และจากในสภาวะโลกปัจจุบันที่ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมเอกชนมีการขยายตัวสูง ทำให้ผู้สำเร็จการศึกษาส่วนใหญ่ไม่นิยมเข้ารับราชการหรือถ้าหากต้องเข้ารับราชการก็เนื่องมาจากค่านิยมของบิดามารดาไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของตนเองอันมีสาเหตุมาจากผลตอบแทนที่สูงกว่า สวัสดิการหรืออประโยชน์ตอบแทนด้านอื่นที่ดีกว่านั่นเอง(กาญจนา บุญเพลิง,2554:2-3)
เทศบาล เป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบหนึ่งที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนสามารถรับรู้ถึงปัญหาหรือความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างกว้างขวาง และตอบสนองประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว หรืออาจกล่าวได้ว่า เทศบาล เป็นการปกครองส่วนท้องถิ่นตามหลักการปกครองตนเอง รวมถึงเป็นกลไกสำคัญในการนำบริการสาธารณะของรัฐไปบริการประชาชนในพื้นที่ ซึ่งนับวันจะมีภารกิจในปริมาณที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆฉะนั้น การบริหารงานอันเป็นหน้าที่ของเทศบาลให้บรรลุเป้าหมายได้นั้น เทศบาลควรให้ความสำคัญต่อทรัพยากรบุคคล ซึ่งบุคลากรต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถและต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อให้เกิดความมั่นคงในอาชีพที่มีหลักประกันที่แน่นอนในการดำเนินชีวิต อีกทั้งยังทำให้พนักงานมีขวัญและกำลังใจที่ดีในการทำงานที่ดี ซึ่งส่งผลให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพสูง ความสามารถในการบริหารโดยเฉพาะคนซึ่งเป็นบุคลากรผู้ปฏิบัติงานในองค์กร จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติงานเพื่อให้องค์กรบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้บริหารเทศบาล ที่จะต้องมีวิธีการบริหารจัดการอย่างไรให้พนักงาน มีความตั้งใจ เต็มใจ และมีความสุขใจกับการปฏิบัติงาน ส่วนหนึ่งที่สำคัญคือ จะต้องมีการสร้างระบบให้พนักงานเทศบาล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตการทำงานที่ดีขึ้น
บุคลากรที่มีคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดี สามารถทำงานได้อย่างมีความสุข มีความกระตือรือร้น ก่อให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆมาพัฒนางานในองค์กรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน มีความเต็มใจที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับผู้รับบริการต่อไป มีความสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ตลอดจนสามารถปรับตัวให้มีศักยภาพภายใต้นโยบายการปฏิรูประบบราชการได้ โดยใช้ความรู้ความสามารถของตนเองในการทำงานอย่างมีเป้าหมาย มองเห็นผลสำเร็จที่เกิดจากการทำงานของตนและขององค์กรเป็นหลัก ซึ่งเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตการทำงานของตนเองให้ดีขึ้น เช่น ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม ได้รับความเป็นธรรมในทางก้าวหน้าในอาชีพ ตลอดจนการได้รับความเชื่อถือศรัทธาในสังคม ประกอบกับในสภาวการณ์ปัจจุบัน องค์กรยุคใหม่ได้มุ่งเน้นพัฒนาระบบข้อมูลในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้มีความก้าวหน้าทันสมัยและทันเหตุการณ์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอกต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา (ณปภัช ตะสิงห์,2552:1-2)
ดังนั้น ผู้ศึกษาจึงมีความสนใจที่จะทำการศึกษาคุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานเทศบาลอำเภอเมืองจังหวัดปราจีนบุรี เพราะข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานเทศบาลจะเป็นพื้นฐานและแนวทางส่วนหนึ่งในการปรับระบบ กระบวนการบริหาร ประกอบการวางแผน พัฒนาปรับปรุงแก้ไข และส่งเสริมให้พนักงานเทศบาลมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งจะทำให้เกิดความต้องการทำงาน อันนำไปสู่วัตถุประสงค์และเป้หมายของเทศบาลต่อไป
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาคุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานเทศบาลในจังหวัดปราจีนบุรี
2. เพื่อเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานเทศบาลในจังหวัดปราจีนบุรี
โดยจำแนกเพศ อายุ ระดับการศึกษา รายได้
1. เพื่อศึกษาคุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานเทศบาลในจังหวัดปราจีนบุรี
2. เพื่อเปรียบเทียบคุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานเทศบาลในจังหวัดปราจีนบุรี
โดยจำแนกเพศ อายุ ระดับการศึกษา รายได้
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ทราบถึงระดับคุณภาพชีวิตการทำงานของ พนักงานเทศบาลในจังหวัดปราจีนบุรี
2. ทราบถึงคุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานเทศบาลในจังหวัดปราจีนบุรี จำแนกตาม เพศ อายุ ระดับการศึกษา รายได้
1. ทราบถึงระดับคุณภาพชีวิตการทำงานของ พนักงานเทศบาลในจังหวัดปราจีนบุรี
2. ทราบถึงคุณภาพชีวิตการทำงานของพนักงานเทศบาลในจังหวัดปราจีนบุรี จำแนกตาม เพศ อายุ ระดับการศึกษา รายได้
